ในช่วงของการตั้งครรภ์ เชื่อว่าคุณแม่ทุกคน คงรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย และเป็นห่วงลูกน้อยในท้องตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร จะทานอะไร ก็กลัวจะส่งผลกระทบต่อลูกในท้องทั้งสิ้น
สำหรับเรื่องของอาหาร ในช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่ควรใส่ใจเรื่องอาหารการกินให้มาก เพราะส่งผลต่อสุขภาพของตนเอง และลูกน้อยโดยตรง
ในช่วงไตรมาสแรก (1-3 เดือน)
ช่วงนี้คุณแม่มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนมาก และอาจมีอาการแพ้ท้องมาก ควรทานเป็นอาหารง่ายๆ ซึ่งช่วยในการขับถ่าย และทานง่าย ไม่ทำให้ฉุนหรือเกิดคลื่นไส้ เช่น
- ผลไม้รสเปรี้ยว
- ข้าวต้มทรงเครื่อง
- ต้มผัก เช่น ต้มจืดตำลึง ต้มจับฉ่าย เป็นต้น
- น้ำผลไม้สดคั้น
ในช่วงไตรมาสที่ 2 (4-6 เดือน)
เป็นช่วงที่ท้องกำลังขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด เมื่อท้องเริ่มใหญ่ขึ้น คุณแม่จะอึดอัดและขยับตัวลำบากขึ้น ซึ่งอาจเกิดอาการท้องอืดได้ง่าย อาหารที่ควรทานในช่วงนี้ เช่น
- ผักใบเขียวที่มีวิตามินสูง เช่น บล็อกโคลี คะน้า ผักบุ้ง แครอท ถั่วงอก มะเขือเทศ และปลาทะเล เพื่อเป็นการบำรุงลูกในท้อง
- หากมีอาการท้องอืด ควรดื่มน้ำสมุนไพร เช่น น้ำขิง น้ำตะไคร้ เพื่อช่วยระบาย
ในช่วงไตรมาสที่ 3 (7-9 เดือน)
ช่วงใกล้กำหนดคลอดนี้ เป็นช่วงที่คุณแม่สามารถปรับตัวกับการตั้งครรภ์ และปฏิกิริยาต่างๆ ของลูกน้อยในท้องได้เป็นอย่างดี แต่ควรเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง และเตรียมความพร้อมในเรื่องปริมาณน้ำนมด้วย อาหารที่ควรทานในช่วงนี้ ได้แก่
- บล็อกโคลี ผักโขม ผักกาดหอม และหน่อไม้ฝรั่ง
- แคนตาลูป มะละกอ ฟักทอง
- ตับ เนื้อแดง
- หัวปลี ใบกะเพรา กุยช่าย กานพลู ขิง และใบแมงลัก
หากคุณรู้จักทานอาหารเพื่อเสริมสร้างร่างกายและดีต่อลูกน้อยในแต่ละช่วงเดือน คุณก็จะสามารถวางใจได้ว่า ลูกน้อยที่คลอดออกมา จะมีความสมบูรณ์ แข็งแรง และไม่เจ็บป่วยง่ายได้
ในช่วงของการตั้งครรภ์ เชื่อว่าคุณแม่ทุกคน คงรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย และเป็นห่วงลูกน้
สิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์กังวลที่สุด ก็คือ สุขภาพของลูกน้อย ว่าจะออกมา สมบูรณ์ แ
ตั้งแต่ที่คุณรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ เชื่อว่าคุณคงดูแลลูกน้อยในครรภ์เป็นอย่างดีที่สุด เ
ระยะเวลา 9 เดือนของการตั้งครรภ์ คุณแม่เฝ้ารออยู่ทุกวันเวลาที่จะได้พบหน้าลูกน้อย ได
แม้ว่าจะอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ แต่การออกกำลังกายก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากจะช่วยให้ร่า
พฤติกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันของคุณแม่ตั้งครรภ์ ย่อมแตกต่างจากการใช้ชีวิตทั่วไป เพราะ
